Home » เครื่องจักร SMT คืออะไร

เครื่องจักร SMT คืออะไร

by admin
29 views

เครื่องจักร SMT หรือ Surface Mount Technology เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดของ เครื่องจักร SMT รวมถึงกระบวนการและเทคโนโลยีที่ใช้ใน เครื่องจักร SMT อย่างละเอียด

ความหมายและการทำงานของเครื่องจักร SMT

เครื่องจักร SMT เป็นเครื่องจักรที่ใช้ในการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนพื้นผิวของแผงวงจรพิมพ์ (PCB) โดยไม่ต้องเจาะรู อุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการนี้เรียกว่า Surface Mount Devices (SMDs) ซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบที่มีขนาดเล็กและติดตั้งได้ง่าย

กระบวนการทำงานของเครื่องจักร SMT

การทำงานของ เครื่องจักร SMT ประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่เชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน โดยกระบวนการหลัก ๆ มีดังนี้

การเตรียมแผงวงจร (PCB Preparation)

การเคลือบฟิล์มด้วย Solder Paste โดยใช้เครื่องพิมพ์หน้ากาก (Stencil Printer) ฟิล์ม Solder Paste ประกอบด้วยผงโลหะผสมตะกั่วหรือโลหะอื่น ๆ ที่สามารถหลอมละลายได้เมื่อถูกความร้อน มาตรฐานที่เกี่ยวข้องในการเคลือบฟิล์ม Solder Paste ได้แก่

  • มาตรฐาน IPC-7525A: สำหรับการออกแบบหน้ากาก Solder Paste
  • การตรวจสอบความหนาของฟิล์ม Solder Paste: โดยทั่วไปควรมีความหนาอยู่ในช่วง 150-200 ไมครอน

การวางชิ้นส่วน (Component Placement)

เครื่อง Pick-and-Place ใช้หัวจับสูญญากาศเพื่อหยิบจับและวาง SMDs บน PCB ตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ในโปรแกรมการติดตั้ง ความแม่นยำของการวางชิ้นส่วนอยู่ในระดับไมโครเมตร โดยเครื่อง Pick-and-Place มาตรฐานสามารถวางชิ้นส่วนได้ดังนี้

  • ความแม่นยำในการวางชิ้นส่วน (Placement Accuracy): ±0.01 มม. หรือน้อยกว่า
  • ความเร็วในการวางชิ้นส่วน (Placement Speed): 50,000 ถึง 100,000 ชิ้นต่อชั่วโมง
  • ขนาดของชิ้นส่วนที่สามารถติดตั้งได้ (Component Range): 01005 (0.4 มม. x 0.2 มม.) ถึง BGA (Ball Grid Array)

การบัดกรี (Reflow Soldering)

การนำ PCB ที่มี SMDs ติดตั้งอยู่ผ่านเตา Reflow ซึ่งมีหลายโซนความร้อนที่ปรับค่าได้ Solder Paste จะหลอมละลายและเชื่อมต่อ SMDs กับแผงวงจร กระบวนการนี้ต้องการการควบคุมอุณหภูมิอย่างแม่นยำตามโปรไฟล์ที่กำหนด มาตรฐานการบัดกรีที่ใช้ได้แก่

  • มาตรฐาน JEDEC J-STD-020: สำหรับการรีโฟลว SMDs
  • โปรไฟล์อุณหภูมิ (Temperature Profile): ควรมีการไต่ขึ้นของอุณหภูมิที่ 1-3°C/วินาที และอุณหภูมิสูงสุดที่ 245-260°C

การตรวจสอบ (Inspection)

การตรวจสอบคุณภาพของการบัดกรีและการวางชิ้นส่วนโดยใช้เครื่องตรวจสอบอัตโนมัติ (Automated Optical Inspection: AOI) และการตรวจสอบด้วยเอ็กซ์เรย์ (X-ray Inspection) เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของการเชื่อมต่อ มาตรฐานที่ใช้ในการตรวจสอบประกอบด้วย:

  • มาตรฐาน IPC-A-610: สำหรับการตรวจสอบคุณภาพงานประกอบอิเล็กทรอนิกส์
  • การตรวจสอบด้วย AOI: ความละเอียดของกล้องที่ใช้ตรวจสอบควรอยู่ที่ 10-15 ไมครอน
  • การตรวจสอบด้วย X-ray: ใช้ในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของการบัดกรีใต้ชิ้นส่วน BGA

การทดสอบ (Testing)

การทดสอบการทำงานของแผงวงจรด้วยเครื่อง In-Circuit Tester (ICT) และ Functional Tester เพื่อให้แน่ใจว่าแผงวงจรทำงานได้ตามที่ออกแบบไว้ มาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบประกอบด้วย

  • มาตรฐาน IPC-9252: สำหรับการทดสอบวงจรไฟฟ้า
  • การทดสอบด้วย ICT: ใช้ในการตรวจสอบการเชื่อมต่อไฟฟ้าและค่าความต้านทานของวงจร
  • การทดสอบ Functionality: ทดสอบการทำงานของแผงวงจรในสภาวะการทำงานจริง

ข้อกำหนดและสเปคของเครื่องจักร SMT

การเลือก เครื่องจักร SMT ต้องพิจารณาข้อกำหนดและสเปคต่าง ๆ ดังนี้

  • ความแม่นยำในการวางชิ้นส่วน (Placement Accuracy): ต้องมีความแม่นยำในระดับ ±0.01 มม. หรือน้อยกว่า
  • ความเร็วในการวางชิ้นส่วน (Placement Speed): อยู่ที่ประมาณ 50,000 ถึง 100,000 ชิ้นต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรุ่นและการตั้งค่า
  • ขนาดของชิ้นส่วนที่สามารถติดตั้งได้ (Component Range): รองรับการติดตั้งชิ้นส่วนขนาดตั้งแต่ 01005 (0.4 มม. x 0.2 มม.) จนถึงชิ้นส่วนขนาดใหญ่เช่น BGA (Ball Grid Array)
  • ประเภทของแผงวงจรที่รองรับ (PCB Size and Thickness): รองรับแผงวงจรที่มีขนาดตั้งแต่ 50 มม. x 50 มม. จนถึง 610 มม. x 610 มม. และความหนาตั้งแต่ 0.3 มม. ถึง 5 มม.
  • ระบบการตรวจสอบ (Inspection System): ต้องมีระบบ AOI และ X-ray สำหรับตรวจสอบคุณภาพการติดตั้งและการบัดกรี

มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักร SMT

การใช้งาน เครื่องจักร SMT ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลเพื่อความปลอดภัยและคุณภาพ ซึ่งประกอบด้วย

  • IPC-610: มาตรฐานการยอมรับงานประกอบอิเล็กทรอนิกส์
  • IPC-7351: มาตรฐานการออกแบบพื้นผิวสำหรับ SMDs
  • JEDEC J-STD-020: มาตรฐานการรีโฟลวสำหรับ SMDs

ประโยชน์ของเครื่องจักร SMT

เครื่องจักร SMT มีประโยชน์หลายประการในกระบวนการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

  • ประหยัดพื้นที่ (Space Saving): เนื่องจาก SMDs มีขนาดเล็ก จึงสามารถติดตั้งชิ้นส่วนได้มากขึ้นในพื้นที่เดียวกัน
  • เพิ่มความเร็วในการผลิต (Increased Production Speed): ด้วยความสามารถในการวางชิ้นส่วนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • ลดความผิดพลาดในการติดตั้ง (Reduced Installation Errors): ระบบการวางชิ้นส่วนอัตโนมัติช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการติดตั้งด้วยมือ
  • ความสามารถในการผลิตที่ยืดหยุ่น (Flexibility in Manufacturing): รองรับการผลิตแผงวงจรในรูปแบบต่าง ๆ และสามารถเปลี่ยนโปรแกรมการผลิตได้อย่างรวดเร็ว
  • การตรวจสอบคุณภาพที่มีประสิทธิภาพ (Efficient Quality Inspection): ด้วยระบบ AOI และ X-ray ที่ช่วยในการตรวจสอบคุณภาพของการติดตั้งและการบัดกรีอย่างละเอียด

ข้อจำกัดของเครื่องจักร SMT

ถึงแม้ว่า เครื่องจักร SMT จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องพิจารณา:

  • ค่าใช้จ่ายในการลงทุนสูง (High Initial Investment): การติดตั้งและบำรุงรักษาเครื่องจักร SMT ต้องการงบประมาณสูง
  • ความซับซ้อนในการตั้งค่า (Complex Setup): การตั้งค่าโปรแกรมการวางชิ้นส่วนต้องการความรู้และความเชี่ยวชาญสูง
  • ข้อจำกัดในการซ่อมแซม (Repair Limitations): การซ่อมแซม SMDs ที่มีขนาดเล็กมากอาจเป็นเรื่องยาก
  • การพึ่งพาเทคโนโลยี (Technology Dependency): การทำงานของเครื่องจักร SMT ขึ้นอยู่กับการพัฒนาและการบำรุงรักษาเทคโนโลยีที่ทันสมัย

การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในการ preventive maintenance สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหายที่ไม่คาดคิดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรอย่างมีนัยสำคัญ

สรุป

เครื่องจักร SMT เป็นเทคโนโลยีสำคัญในกระบวนการผลิตแผงวงจรพิมพ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยเพิ่มความแม่นยำและความเร็วในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยการใช้งานเทคโนโลยีนี้ต้องพิจารณาข้อกำหนดและมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยและคุณภาพในการผลิต


ติดต่อ

หากคุณสนใจบริการของเรา หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by ppegood