Home » ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร?

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร?

by admin
13 views

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แต่ละประเภท เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการป้องกันและจัดการเหตุเพลิงไหม้ในสถานประกอบการ การเลือกใช้ระบบแจ้งเตือนที่เหมาะสมสามารถช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ในบทความนี้ เราจะทำการวิเคราะห์และเจาะลึกถึงระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แต่ละประเภท รวมถึงคุณสมบัติและการใช้งานที่เหมาะสม

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับควัน (Smoke Detectors)

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับควันใช้หลักการตรวจจับอนุภาคควันที่เกิดจากการเผาไหม้ มีสองประเภทหลักคือ แบบออปติคัล (Optical Smoke Detector) และแบบไอออไนเซชัน (Ionization Smoke Detector) แบบออปติคัลใช้แสงเลเซอร์หรือแสงอินฟราเรดในการตรวจจับอนุภาคควัน เมื่อควันเข้ามาขัดขวางแสงที่ส่งไปยังเซ็นเซอร์ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนภัย ส่วนแบบไอออไนเซชันใช้สารกัมมันตรังสีในการสร้างไอออนในห้องตรวจจับ เมื่อควันเข้ามาขัดขวางการไหลของกระแสไฟฟ้า ระบบจะส่งสัญญาณเตือนภัย

การใช้งานและข้อดี

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับควันเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเกิดควันไฟสูง เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น และสำนักงาน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีวัสดุเซลลูโลส เช่น กระดาษและผ้า ข้อดีของระบบนี้คือความไวในการตรวจจับควันไฟและสามารถเตือนภัยได้อย่างรวดเร็ว

ข้อกำหนดและการติดตั้ง

การติดตั้งระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับควันต้องเป็นไปตามมาตรฐาน NFPA 72 (National Fire Alarm and Signaling Code) โดยมีข้อกำหนดและการติดตั้งดังนี้

  • ติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถตรวจจับควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เพดานและผนังห้อง
  • ควรติดตั้งที่ความสูง 4-12 นิ้วจากเพดาน
  • ในแต่ละชั้นของอาคารควรมีเครื่องตรวจจับควันอย่างน้อยหนึ่งเครื่อง
  • มีการทดสอบระบบตรวจจับควันเป็นประจำทุกเดือน
  • เปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกปี

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับความร้อน (Heat Detectors)

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับความร้อนใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ มีสองประเภทหลักคือ แบบอุณหภูมิสูงสุด (Fixed Temperature Heat Detector) และแบบอุณหภูมิอัตราเพิ่ม (Rate-of-Rise Heat Detector) แบบอุณหภูมิสูงสุดจะทำงานเมื่ออุณหภูมิในพื้นที่ถึงค่าที่กำหนด ส่วนแบบอุณหภูมิอัตราเพิ่มจะตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่รวดเร็วภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยทั่วไป ค่าตั้งต้นของอุณหภูมิสำหรับการตรวจจับอยู่ที่ประมาณ 135°F (57°C) สำหรับแบบอุณหภูมิสูงสุด และการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิที่ 15°F (8.3°C) ต่อหนึ่งนาทีสำหรับแบบอุณหภูมิอัตราเพิ่ม

การใช้งานและข้อดี

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับความร้อนเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเกิดเพลิงไหม้จากความร้อนสูง เช่น ห้องครัว ห้องหม้อไอน้ำ และโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้ความร้อน ข้อดีของระบบนี้คือสามารถทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่มีฝุ่นหรือควันเทียมซึ่งอาจทำให้ระบบตรวจจับควันทำงานผิดพลาด

ข้อกำหนดและการติดตั้ง

การติดตั้งระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับความร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน NFPA 72 โดยมีข้อกำหนดและการติดตั้งดังนี้

  • ติดตั้งในตำแหน่งที่มีโอกาสเกิดความร้อนสูง เช่น ใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อน
  • การติดตั้งควรอยู่ที่ความสูงไม่เกิน 12 ฟุต (3.7 เมตร) จากพื้น
  • ติดตั้งให้ห่างจากผนังและเพดานอย่างน้อย 4 นิ้ว (10 เซนติเมตร)
  • ตรวจสอบระบบทุกปีเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ทำความสะอาดเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนอย่างน้อยทุก 6 เดือน

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับแก๊ส (Gas Detectors)

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับแก๊สใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับการรั่วไหลของแก๊สที่เป็นอันตราย เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO), ก๊าซแอมโมเนีย (NH₃), และก๊าซมีเทน (CH₄) เซ็นเซอร์เหล่านี้ทำงานโดยการตรวจวัดความเข้มข้นของแก๊สในอากาศ ซึ่งอาจใช้เทคนิคเซ็นเซอร์แบบคาตาไลติก (Catalytic Sensors), เซ็นเซอร์แบบอิเล็กโตรเคมิคัล (Electrochemical Sensors), หรือเซ็นเซอร์แบบอินฟราเรด (Infrared Sensors) เมื่อความเข้มข้นของแก๊สถึงระดับที่กำหนด ระบบจะส่งสัญญาณเตือนภัย

การใช้งานและข้อดี

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับแก๊สเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเกิดการรั่วไหลของแก๊ส เช่น โรงงานเคมี โรงงานผลิตแก๊ส และห้องหม้อไอน้ำ ข้อดีของระบบนี้คือสามารถตรวจจับการรั่วไหลของแก๊สที่ไม่สามารถมองเห็นหรือรู้สึกได้ ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้และการระเบิดได้

ข้อกำหนดและการติดตั้ง

การติดตั้งระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับแก๊สต้องเป็นไปตามมาตรฐาน NFPA 720 โดยมีข้อกำหนดและการติดตั้งดังนี้

  • ติดตั้งในตำแหน่งที่มีโอกาสเกิดการรั่วไหลของแก๊ส เช่น ใกล้ท่อแก๊สหรือเครื่องใช้แก๊ส
  • สำหรับก๊าซมีเทนที่เบากว่าอากาศ ควรติดตั้งใกล้เพดานที่ความสูง 6-12 นิ้ว (15-30 เซนติเมตร) จากเพดาน
  • สำหรับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกับอากาศ ควรติดตั้งที่ระดับการหายใจของมนุษย์ 5-6 ฟุต (1.5-1.8 เมตร) จากพื้น
  • ตรวจสอบระบบและเซ็นเซอร์ทุกปีเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ทำความสะอาดเซ็นเซอร์ตรวจจับแก๊สทุก 6 เดือน

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับเปลวไฟ (Flame Detectors)

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับเปลวไฟใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับแสงที่เกิดจากเปลวไฟ เซ็นเซอร์เหล่านี้ทำงานโดยการตรวจวัดแสงในช่วงคลื่นที่แตกต่างกัน เช่น แสงอัลตราไวโอเลต (UV), แสงอินฟราเรด (IR), หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจพบแสงที่เข้าข่ายเปลวไฟ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนภัย เซ็นเซอร์แบบ UV ทำงานโดยการตรวจจับแสงอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 185-260 นาโนเมตร ส่วนเซ็นเซอร์แบบ IR ทำงานโดยการตรวจจับแสงอินฟราเรดที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 4.3-4.4 ไมโครเมตร

การใช้งานและข้อดี

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับเปลวไฟเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเกิดเปลวไฟอย่างรวดเร็ว เช่น โรงงานเคมี โรงกลั่นน้ำมัน และสถานีเติมน้ำมัน ข้อดีของระบบนี้คือสามารถตรวจจับเปลวไฟได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แม้ในสภาวะแวดล้อมที่มีแสงสว่างสูง

ข้อกำหนดและการติดตั้ง

การติดตั้งระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับเปลวไฟต้องเป็นไปตามมาตรฐาน NFPA 72 และ NFPA 33 โดยมีข้อกำหนดและการติดตั้งดังนี้

  • ติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถตรวจจับแสงจากเปลวไฟได้อย่างครอบคลุมและไม่มีสิ่งกีดขวาง
  • การติดตั้งควรอยู่ที่ความสูงที่สามารถตรวจจับเปลวไฟได้อย่างครอบคลุม
  • ติดตั้งเซ็นเซอร์ให้มีมุมมองที่กว้างพอที่จะครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง
  • ตรวจสอบระบบทุก 6 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ทำความสะอาดเซ็นเซอร์ตรวจจับเปลวไฟทุก 6 เดือน

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับสารเคมี (Chemical Detectors)

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับสารเคมีใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจจับการระเหยหรือการปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตราย เซ็นเซอร์เหล่านี้ทำงานโดยการตรวจวัดความเข้มข้นของสารเคมีในอากาศ ซึ่งอาจใช้เทคนิคเซ็นเซอร์แบบอิเล็กโตรเคมิคัล (Electrochemical Sensors), เซ็นเซอร์แบบอินฟราเรด (Infrared Sensors), หรือเซ็นเซอร์แบบฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Sensors) เมื่อความเข้มข้นของสารเคมีถึงระดับที่กำหนด ระบบจะส่งสัญญาณเตือนภัย

การใช้งานและข้อดี

ระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับสารเคมีเหมาะสำหรับใช้ในโรงงานผลิตสารเคมี ห้องปฏิบัติการวิจัย และสถานที่ที่มีการจัดเก็บสารเคมีที่มีความเสี่ยง ข้อดีของระบบนี้คือสามารถตรวจจับการระเหยของสารเคมีที่เป็นอันตรายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้และการระเบิดได้

ข้อกำหนดและการติดตั้ง

การติดตั้งระบบแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้แบบตรวจจับสารเคมีต้องเป็นไปตามมาตรฐาน NFPA 72 และมาตรฐาน OSHA โดยมีข้อกำหนดและการติดตั้งดังนี้

  • ติดตั้งในตำแหน่งที่มีโอกาสเกิดการระเหยของสารเคมี เช่น ใกล้ท่อส่งสารเคมีหรือถังเก็บสารเคมี
  • ติดตั้งเซ็นเซอร์ให้มีการระบายอากาศที่ดีเพื่อป้องกันการสะสมของสารเคมี
  • ตรวจสอบระบบและเซ็นเซอร์ทุก 6 เดือนเพื่อให้แน่ใจว่าระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ทำความสะอาดเซ็นเซอร์ตรวจจับสารเคมีทุก 6 เดือน
  • การติดตั้งควรอยู่ในระดับความสูงที่เหมาะสมเพื่อการตรวจจับสารเคมีอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ติดต่อ

หากคุณสนใจบริการของเรา หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by ppegood