Home » 10 โรคและอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงานในพื้นที่อับอากาศ

10 โรคและอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงานในพื้นที่อับอากาศ

by admin
5 views

การทำงานในพื้นที่อับอากาศ เป็นงานที่มีความเสี่ยงสูงและต้องการการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและการเจ็บป่วย บทความนี้จะกล่าวถึงโรคและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานในสภาพแวดล้อมที่อับอากาศ และข้อมูลทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับสภาวะเหล่านี้

1. การขาดออกซิเจน (Oxygen Deficiency)

การทำงานในพื้นที่อับอากาศ มักมีระดับออกซิเจนต่ำกว่าปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นเมื่อระดับออกซิเจนลดลงต่ำกว่า 19.5% การขาดออกซิเจนสามารถทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย หายใจลำบาก และในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้ สภาวะนี้เป็นผลมาจากการขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ ทำให้การทำงานของระบบประสาทและหัวใจล้มเหลว

2. การได้รับสารพิษ (Toxic Exposure)

ในพื้นที่อับอากาศ อาจมีการสะสมของสารพิษเช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ที่ระดับสูงกว่า 35 ppm หรือ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H2S) ที่ระดับสูงกว่า 10 ppm การได้รับสารพิษอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ คลื่นไส้ อาเจียน และอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด ข้อมูลจาก American Conference of Governmental Industrial Hygienists (ACGIH) แสดงให้เห็นว่าการสัมผัสกับสารพิษในระดับสูงสามารถทำลายระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ และระบบหัวใจได้

3. โรคระบบทางเดินหายใจ (respiratory diseases)

การทำงานในพื้นที่อับอากาศ ที่มีฝุ่นหรือสารเคมีอาจทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และโรคปอดซิลิโคซิส (Silicosis) ข้อมูลจาก National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH) ระบุว่า พนักงานที่ทำงานในพื้นที่ที่มีระดับฝุ่นซิลิกามากกว่า 50 µg/m³ เป็นเวลานานจะมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคเหล่านี้ นอกจากนี้ การสัมผัสกับสารเคมีเช่นแอสเบสตอสและเบนซีนสามารถนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งปอด

4. การเกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม (Slips, Trips, and Falls)

พื้นที่อับอากาศมักมีสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้เกิดการลื่นล้ม ข้อมูลจาก National Safety Council (NSC) ระบุว่าการลื่นล้มเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บประมาณ 15% ในงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่อับอากาศ การที่มีพื้นผิวเปียกหรือลื่นสามารถเพิ่มความเสี่ยงนี้ การบาดเจ็บจากการลื่นล้มอาจรวมถึงการหักของกระดูก การเคล็ดขัดยอก และการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเอ็น

5. การเกิดอุบัติเหตุจากการขาดแสงสว่าง (Poor Lighting)

การทำงานในพื้นที่อับอากาศที่มีแสงสว่างน้อยอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การชนกับวัตถุหรือการใช้เครื่องมือไม่ถูกต้อง ข้อมูลจาก International Labour Organization (ILO) แสดงให้เห็นว่าการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างน้อยสามารถทำให้เกิดความเครียดทางสายตา และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากการมองเห็นไม่ชัดเจน

6. การสูญเสียการได้ยิน (Hearing Loss)

พื้นที่อับอากาศมักมีเสียงดังจากเครื่องจักรหรือการทำงานที่รุนแรง ข้อมูลจาก Occupational Safety and Health Administration (OSHA) ระบุว่าการทำงานในพื้นที่ที่มีเสียงดังเกิน 85 เดซิเบล (dB) เป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยิน การสูญเสียการได้ยินสามารถเป็นแบบชั่วคราวหรือถาวร และอาจส่งผลต่อการสื่อสารและประสิทธิภาพในการทำงาน

7. โรคหัวใจและหลอดเลือด (cardiovascular diseases)

การทำงานในพื้นที่อับอากาศที่มีระดับออกซิเจนต่ำหรือความดันสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ข้อมูลจาก American Heart Association แสดงว่าการทำงานในสภาวะที่มีออกซิเจนต่ำสามารถเพิ่มภาระการทำงานของหัวใจและอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจล้มเหลวได้ นอกจากนี้ การทำงานในสภาวะที่มีความดันสูงสามารถทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง

8. การเกิดอุบัติเหตุจากการใช้เครื่องจักร (Machinery Accidents)

การใช้เครื่องจักรในพื้นที่อับอากาศอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุหากไม่ได้รับการฝึกอบรมหรือไม่มีการดูแลเครื่องจักรที่เหมาะสม ข้อมูลจาก OSHA ระบุว่าประมาณ 30% ของอุบัติเหตุในพื้นที่อับอากาศเกิดจากการใช้เครื่องจักร การบาดเจ็บที่เกิดจากเครื่องจักรอาจรวมถึงการถูกบด การถูกตัด หรือการถูกชน ซึ่งสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บที่รุนแรงหรือเสียชีวิต

9. การได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟฟ้าดูด (Electrical Shock)

พื้นที่อับอากาศมักมีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยงสูง การสัมผัสกับไฟฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจสามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ข้อมูลจาก National Fire Protection Association (NFPA) ระบุว่าการสัมผัสกับไฟฟ้าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตประมาณ 5% ในงานอุตสาหกรรม การบาดเจ็บจากไฟฟ้าดูดอาจรวมถึงการถูกเผา การเสียหายของเนื้อเยื่อ และการรบกวนระบบหัวใจ

10. การเกิดภาวะเครียดจากความร้อน (Heat Stress)

การทำงานในพื้นที่อับอากาศ ที่มีอุณหภูมิสูงอาจทำให้เกิดภาวะเครียดจากความร้อน ข้อมูลจาก Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ระบุว่าการทำงานในสภาวะที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 90°F (32°C) สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเครียดจากความร้อน ภาวะนี้สามารถนำไปสู่การเป็นลมแดด (Heat Stroke) การสูญเสียน้ำในร่างกาย (Dehydration) และอาการปวดหัวคลื่นไส้

สรุป

การทำงานในพื้นที่อับอากาศ มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคและอุบัติเหตุ การทำความเข้าใจและตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจะช่วยให้สามารถจัดการและลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลทางการแพทย์และสถิติเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการพัฒนามาตรการความปลอดภัยและการจัดการสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีขึ้น


ติดต่อ

หากคุณสนใจบริการของเรา หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

@2024 – All Right Reserved. Designed and Developed by ppegood