ระบบกราวด์ (grounding system) คือระบบที่ใช้ในการเชื่อมต่อส่วนต่างๆ ของระบบไฟฟ้ากับพื้นดิน เพื่อป้องกันการเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าช็อต และเพิ่มความเสถียรให้กับระบบไฟฟ้า
มาตรฐานการติดตั้งระบบกราวด์ของ IEC (International Electrotechnical Commission)
มาตรฐาน IEC เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการติดตั้งระบบกราวด์ทั่วโลก มาตรฐานนี้กำหนดข้อกำหนดสำหรับการติดตั้งและการทดสอบระบบกราวด์เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
IEC 60364
- การเชื่อมต่อกราวด์: ต้องมีการเชื่อมต่อที่แน่นหนาและทนทานเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วไหล โดยต้องใช้วัสดุที่มีความทนทานและไม่เป็นสนิม เช่น ทองแดงหรือเหล็กกล้าเคลือบสังกะสี
- ความต้านทานดิน: ควรมีความต้านทานไม่เกิน 10 โอห์ม เพื่อให้มั่นใจว่ามีการกระจายกระแสไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- การติดตั้งแผ่นกราวด์: แผ่นกราวด์ควรติดตั้งในดินที่มีความต้านทานต่ำ และต้องฝังลึกอย่างน้อย 2.5 เมตร
- การตรวจสอบและบำรุงรักษา: ระบบกราวด์ต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยต้องทดสอบความต้านทานดินอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
IEC 62561
- วัสดุกราวด์: ต้องใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนและมีความนำไฟฟ้าสูง เช่น ทองแดงหรือสแตนเลส เพื่อความทนทานต่อสภาพแวดล้อม
- การติดตั้งตัวนำกราวด์: ตัวนำกราวด์ต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 16 มม.² สำหรับสายทองแดง และไม่น้อยกว่า 25 มม.² สำหรับสายอะลูมิเนียม
- การทดสอบอุปกรณ์กราวด์: ต้องมีการทดสอบอุปกรณ์กราวด์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังการติดตั้งใหม่หรือการซ่อมแซม
IEC 60947-1
- การเชื่อมต่อระบบกราวด์: การเชื่อมต่อระบบกราวด์ต้องใช้วัสดุที่ทนทานและมีการตรวจสอบเป็นประจำเพื่อป้องกันการหลวมหลุด ต้องมีการใช้คลิปเชื่อมต่อที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน
- การติดตั้งอุปกรณ์สวิตช์เกียร์: อุปกรณ์สวิตช์เกียร์ต้องมีการติดตั้งและเชื่อมต่อกับระบบกราวด์อย่างถูกต้อง โดยควรใช้ตัวนำที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 6 มม.²
มาตรฐานการติดตั้งระบบกราวด์ของ NEC (National Electrical Code)
มาตรฐาน NEC ใช้ในสหรัฐอเมริกาและเป็นหนึ่งในมาตรฐานที่ครอบคลุมการติดตั้งระบบกราวด์อย่างละเอียด
NEC Article 250
- การใช้แผ่นกราวด์และแท่งกราวด์: ต้องติดตั้งในดินที่มีความต้านทานต่ำและต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 2.4 เมตร โดยแท่งกราวด์ต้องฝังลึกอย่างน้อย 2.5 เมตร และแผ่นกราวด์ต้องมีพื้นที่สัมผัสกับดินอย่างน้อย 0.2 ตารางเมตร
- การเชื่อมต่อกับระบบน้ำ: ระบบกราวด์ควรเชื่อมต่อกับท่อประปาหลักของอาคารเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โดยใช้ตัวนำที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 6 มม.² สำหรับสายทองแดง
- การเชื่อมต่อกราวด์: การเชื่อมต่อระบบกราวด์ต้องใช้วัสดุที่ทนทานและมีการตรวจสอบเป็นประจำ โดยใช้ข้อต่อที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน
- ความต้านทานของระบบกราวด์: ควรมีความต้านทานไม่เกิน 25 โอห์ม เพื่อให้มั่นใจว่ามีการกระจายกระแสไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
NEC Article 500
- การติดตั้งระบบกราวด์ในพื้นที่อันตราย: ต้องใช้วัสดุและการติดตั้งที่ทนทานต่อการระเบิดและไฟไหม้ โดยต้องใช้ตัวนำที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 4 มม.² สำหรับสายทองแดง
- การป้องกันการกัดกร่อน: การติดตั้งในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากสารเคมีต้องมีการป้องกันการกัดกร่อนอย่างเหมาะสม เช่น การใช้สารเคลือบป้องกันหรือเลือกใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน
- การตรวจสอบและบำรุงรักษา: ระบบกราวด์ในพื้นที่อันตรายต้องมีการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ โดยต้องทดสอบความต้านทานดินอย่างน้อยปีละสองครั้ง
มาตรฐานการติดตั้งระบบกราวด์ของ TIS (Thai Industrial Standards)
มาตรฐาน TIS เป็นมาตรฐานที่ใช้ในประเทศไทย โดยกำหนดข้อกำหนดสำหรับการติดตั้งระบบกราวด์ในอาคารและโรงงาน
TIS 111-2534
- การติดตั้งแท่งกราวด์: แท่งกราวด์ต้องมีความยาวไม่น้อยกว่า 2.5 เมตร และติดตั้งในดินที่มีความต้านทานต่ำ โดยต้องฝังลึกอย่างน้อย 2.5 เมตร
- การเชื่อมต่อระบบกราวด์: การเชื่อมต่อระบบกราวด์ต้องใช้วัสดุที่ทนทานและมีการตรวจสอบเป็นประจำ โดยต้องใช้ตัวนำที่มีขนาดไม่น้อยกว่า 16 มม.² สำหรับสายทองแดง
- การบำรุงรักษาระบบกราวด์: ต้องมีการทดสอบและบำรุงรักษาระบบกราวด์เป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจในประสิทธิภาพ โดยต้องทดสอบความต้านทานดินอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
TIS 2485-2552
- การทดสอบความต้านทานดิน: ความต้านทานดินต้องไม่เกิน 5 โอห์ม สำหรับระบบกราวด์ในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อให้มั่นใจว่ามีการกระจายกระแสไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- การติดตั้งตัวนำกราวด์: ตัวนำกราวด์ต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 16 มม.² สำหรับสายทองแดง และไม่น้อยกว่า 25 มม.² สำหรับสายอะลูมิเนียม
- การป้องกันการกัดกร่อน: ต้องมีการป้องกันการกัดกร่อนของวัสดุกราวด์ด้วยการใช้สารเคลือบหรือเลือกใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน เช่น ทองแดงหรือสแตนเลส
การทดสอบและบำรุงรักษาระบบกราวด์
การทดสอบและบำรุงรักษาระบบกราวด์เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ
- การทดสอบความต้านทาน (Resistance Testing): ทดสอบความต้านทานของระบบกราวด์เป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าระบบยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรทดสอบความต้านทานดินอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- การตรวจสอบการเชื่อมต่อ (Connection Inspection): ตรวจสอบการเชื่อมต่อระบบกราวด์ เพื่อป้องกันการหลวมหลุดหรือการเสื่อมสภาพ ต้องมีการตรวจสอบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- การทำความสะอาด (Cleaning): ทำความสะอาดอุปกรณ์กราวด์ เพื่อป้องกันการสะสมของสนิมและสิ่งสกปรก ต้องมีการทำความสะอาดอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- การทดสอบความต่อเนื่อง (Continuity Testing): ทดสอบความต่อเนื่องของระบบกราวด์ เพื่อให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่อทุกจุดมีความเสถียร ต้องมีการทดสอบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- การตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่า (Lightning Protection Inspection): ตรวจสอบอุปกรณ์ป้องกันฟ้าผ่าและการเชื่อมต่อกับระบบกราวด์ ต้องมีการตรวจสอบอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
- การตรวจสอบและทดสอบตามตารางเวลา (Scheduled Testing and Inspection): กำหนดตารางเวลาการทดสอบและตรวจสอบระบบกราวด์อย่างสม่ำเสมอ ต้องมีการกำหนดตารางเวลาการตรวจสอบอย่างชัดเจน
- การบำรุงรักษาป้องกัน (Preventive Maintenance): ปฏิบัติตามแผนบำรุงรักษาป้องกัน เพื่อยืดอายุการใช้งานของระบบกราวด์ ต้องมีการจัดทำแผนบำรุงรักษาป้องกันอย่างชัดเจน
- การจัดเก็บบันทึก (Record Keeping): บันทึกผลการทดสอบและการบำรุงรักษาระบบกราวด์ เพื่อการติดตามและวิเคราะห์ ต้องมีการจัดเก็บบันทึกอย่างเป็นระบบและครบถ้วน
การติดตั้งระบบกราวด์ (grounding system) เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความปลอดภัยให้กับระบบไฟฟ้า มาตรฐานการติดตั้งระบบกราวด์ ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วไหล แต่ยังเพิ่มความเสถียรและประสิทธิภาพในการทำงานของระบบไฟฟ้าในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารต่างๆ การปฏิบัติตาม มาตรฐานการติดตั้งระบบกราวด์ ระดับสากลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและการทำงานของระบบไฟฟ้า